วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วุ้นเส้น…กินแทนข้าวช่วยลดอ้วนได้





ถ้าเป็นเรื่องของการลดความอ้วน เราเชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงค้นหาสารพัดวิธีเพื่อมาปรนนิติเรือนร่างจากที่มีเนื้ออวบอิ่มก็คงทำหลากหลายวิธีเพื่อให้ตัวเองกลับมามีหุ่นผอม เพรียวสวยอีกครั้ง เอาล่ะ ในวันนี้เราก็ไม่พลาดที่จะนำเทคนิคเรื่องอาหารที่ดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพแถมยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการลดความอ้วนให้สาวๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงไดเอทให้สามารถทานได้อย่างไม่ต้องกลัวอ้วนอีกต่อไปเลย ว่าแต่เมนูที่ว่านั้นคืออะไร มาดูกันเลยค่ะ

อาหารที่สามารถช่วยคุณสาวๆ ลดความอ้วนได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถกินแทนข้าวจนอิ่มได้เลยนั่นก็คือวุ้นเส้นนั่นเองค่ะ เนื่องจากวุ้นเส้นทำมาจากถั่วเขียวจึงไม่ก่อให้เกิดความอ้วนแน่นอน โดยเมนูอาหารที่ทำจากวุ้นก็มีหลากหลายทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น แกงจืดวุ้นเส้นหมูสับ ยำวุ้นเส้น และสุกี้น้ำ-แห้งนั่นเองค่ะ งานนี้ใช้วุ้นเส้นเป็นพระเอกล้วนๆ รับรองว่าคุณสามารถกินแทนข้าวจนอิ่มแปล้ได้อย่างพุงกางไปเลยทีเดียว

และหากต้องการให้น้ำหนักลดลงโดยเร็ว ควรกินวุ้นเส้นเป็นประจำควบคู่กับการออกกำลังกายไปในตัวนะคะ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยขับล้างไขมันได้ดีที่สุด ทำให้น้ำหนักลดลงโดยเร็วนั่นเอง ดังนั้น หันมากินวุ้นเส้นพร้อมผักและผลไม้ให้มากๆ หุ่นดี รูปร่างสวยย่อมเป็นของคุณในเร็ววันแน่นอนค่ะ


ดูข้อมูลที่  http://pannfitlooking.blogspot.com/


สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่

คุณ วราพร แคล้วศึก

เบอร์โทร 0859083178

อีเมล์pannfit@gmail.com

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผิวสวยผุดผ่องจากภายในแถมห่างไกลจากความอ้วน


นอกจากการดูแลผิวพรรณภายนอกให้สวยกระจ่างใสได้แล้ว การดูแลผิวพรรณให้สวย ผุดผ่องจากภายในก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน และอีกเช่นเคย เราไม่พลาดที่จะนำเทคนิควิธีการดูแลผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกมาฝากกันอยู่แล้วค่ะ




1.กินอาหารเพื่อสุขภาพผิว – ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ให้ผิวพรรณสามารถสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูตัวเองให้เกิดเซลล์ผิวที่แข็งแรงได้ นอกจากนี้ ผักและผลไม้ที่มีวิตามิน เกลือแร่ ที่จำเป็นต่อร่างกายยังช่วยให้ผิวกระจ่างสดใสได้ และการกินผลไม้ที่ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก อย่างลูกพรุน มะละกอ ฯลฯ ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่เผยผิวกระจ่างใสได้เช่นกัน




2.ดื่มน้ำให้เพียงพอ –การดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เป็นการคืนอาหารผิวชั้นเยี่ยมได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเห็นได้ว่าการดื่มน้ำมักทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีความชุ่มชื้นเสมอ ยิ่งสำหรับสาวผิวแห้ง แนะนำให้พกพาขวดน้ำไว้ดื่มเรื่อยๆ เพราะน้ำจะช่วยฟื้นฟูเซลล์อ่อนล้าให้เปล่งปลั่ง แข็งแรงได้เป็นอย่างดี ทำให้ร่างกายและสมองสดชื่นเต็มที่






3.นอนพักผ่อนให้เต็มอิ่ม– การนอนวันละ 7-8ชั่วโมงหรือนอนให้ร่างกายรู้สึกเต็มอิ่ม พบว่าหลังจากตื่นนอนมาแล้วผิวพรรณจะไม่เหี่ยวแห้งหรือทรุดโทรมแต่อย่างใด แต่หากเมื่อไรที่คุณนอนหลับไม่เพียงพอเมื่อนั้นคุณจะพบความหมองคล้ำ บนสภาพผิวอย่างเห็นได้ชัด ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่งสดใสอย่างใจ เนื่องจากการนอนหลับให้เต็มอิ่มจะทำให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังไปพร้อมกันนั่นเอง




4.ออกกำลังกาย –ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการออกกำลังกายเป็นตัวกระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่ช่วยเผยผิวพรรณสดใสให้คุณได้ หากต้องการผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนะคะ สุขภาพแข็งแรงแล้ว ผิวพรรณย่อมดีตามแน่นอน



อย่าลืมนำเทคนิควิธีดูแลผิวสวยผุดผ่องจากภายในไปใช้กันนะคะ รับรองคุณจะมีผิวพรรณสวยสมใจได้ไม่ยาก และใครที่เข้าใกล้เป็นต้องสะดุดตาไปตามๆ กันแน่นอน


ดูข้อมูลที่  http://pannfitlooking.blogspot.com/


สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่าย ที่

คุณ วราพร แคล้วศึก

เบอร์โทร 0859083178

อีเมล์pannfit@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

5 เหตุผลทำให้ลดน้ำหนักไม่ลงสักที






สำหรับผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วนหรือน้ำหนักขึ้นจนต้องทำการไดเอท คุณเคยตั้งคำถามกับตัวเองไหมว่า หลายครั้งที่ตัวเลขบนตาชั่งยังคงอยู่สภาพเท่าเดิม ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย ยิ่งพยายามลดเท่าไรน้ำหนักก็ยังไม่ลดและยังมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นในบางครั้งด้วยซ้ำ อยากรู้กันไหมว่าเหตุผลใดที่ทำให้น้ำหนักของคุณยังคงที่เหมือนเดิมและบางครั้งก็ทะยานตัวเพิ่มขึ้น วันนี้เลิกตั้งคำถามเหล่านี้ต่อไป เพราะเรานำสาเหตุน่ารู้มาฝากกันแล้วค่ะ


เคยสังเกตตัวเองไหมว่าเวลาที่เราออกกำลังกายมาจนเหนื่อยล้า นาทีต่อจากนั้นเรากลับเปิดตู้เย็นคว้าเค้กรสหวานหรือไอศกรีมรสโปรดมานั่งกินแก้อาการเหนื่อยล้าทันที เพื่อเรียกพลังให้ตัวเองกลับคืน โดยหารู้ไม่ว่าบรรดาขนมหวาน น้ำอัดลม และอาหารที่อุดมด้วยไขมันสูงต่างๆ หลังจากที่เราเผลอกินหลังออกกำลังกายมาใหม่ๆ จะยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้โดยไม่รู้ตัว เปล่าประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณคิดจะเบิร์นไขมันอย่างหักโหมแล้วต่อด้วยอาหารที่มีแคลอรี่สูงตบท้าย หากปล่อยพฤติกรรมให้เป็นไปแบบนี้ ลดอย่างไรก็คงลงยากแน่นอน


การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ระบบเมตาบอลิซึ่มทำงานผิดปกติทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้คุณอยากอาหารเพิ่มขึ้น เผลอกินจนไม่สามารถยั้งใจตัวเองได้ และน้ำหนักก็ขึ้นตามนั่นเอง


อาหารเช้าเป็นมื้ออาหารหลักที่สำคัญอย่างมาก ใครที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างได้ผล แนะนำให้กินอาหารเช้าทุกวัน เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานที่ดีของร่างกายและกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ ลดความอยากอาหารในมื้ออื่นๆ ได้ด้วย


ยิ่งเครียดมากเท่าไร น้ำหนักก็ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาทำให้อยากอาหาร และส่งผลให้การกักเก็บพลังงานในรูปไขมันเพิ่มขึ้น และเจ้าความเครียดนี่เองที่ทำให้เรากินอย่างบ้าระห่ำเพราะเข้าใจว่ายิ่งกิน จะยิ่งทำลายความเครียด แต่แท้จริงแล้ว เป็นเพียงการบำบัดอารมณ์ให้เย็นลงเพียงชั่ววูบเดียวในขณะที่เรากินของโปรดอย่างอร่อยก็เท่านั้น


การออกกำลังกายให้ได้ผลดี ควรออกกำลังกายอย่างจริงจัง ไม่ทำเล่นๆ เพียงผิวเผิน หมั่นหาเวลาออกกำลังกายอย่างเต็มที่ให้ได้เหงื่อมากเข้าไว้ โดยแบ่งเวลาออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน ครั้งละ 30 นาทีก็ช่วยในเรื่องลดน้ำหนักอย่างได้ผลได้แล้วเช่นกัน และการออกกำลังกายเช่นนี้จะไม่ทำให้ร่างกายคุณหักโหมจนเกินไปด้วย


สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่


คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178


ดูรายละเอียดที่ http://pannfitlooking.blogspot.com/



วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กินไอศกรีมอย่างไรไม่อ้วน




การลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่เราต้องใจแข็งเพื่อเอาชนะอุปสรรคกันอย่างมากเลยทีเดียว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงมั้ยคะ กับการเริ่มต้นทำทุกวิธีการเพื่อให้ตัวเองมีหุ่นสวยเพอร์เฟคอยู่ตลอดเวลา และถ้าหากการกินของโปรดอย่างไอศกรีมจะเป็น
อีกหนึ่งอย่างที่คุณชื่นชอบเป็นที่สุดล่ะ จะทำอย่างไร

จึงจะหักห้ามใจไหวไม่ให้ตัวเองหันไปลองลิ้มชิมไอศกรีมจนส่งผลให้ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ ในวันนี้ขอบอกว่าคุณไม่ต้องเคร่งครีดกับวิธีนี้มากเกินไปแล้วล่ะ เพราะเรามีวิธีการทานไอศกรีมสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงไดเอ็ตมาฝากกัน จะเป็นอย่างไรนั้นตามมาอ่านกันเลยค่ะ

เป็นที่ทราบกันดีว่าการทานไอศกรีมนั้นเสี่ยงที่จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่หากคุณใช้สติในการกินให้มากขึ้น คุณจะพบว่ายังมีอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้การกินไอศกรีมรสโปรดของคุณไม่เป็นปัญหาต่อการลดน้ำหนักอีกต่อไป นั่นก็คือการเลือกทานไอศกรีมที่มีไขมันต่ำนั่นเองค่ะ สมัยนี้มีไอศกรีมรสโปรดที่คุณชื่นชอบหลากหลายรสวางจำหน่ายแล้ว แถมยังเป็นแบบชนิดไขมันต่ำอีกด้วย นอกจากนี้ คุณอาจจะเลือกแบบไอศกรีมโยเกิร์ตก็ได้เช่นกัน เน้นรสชาติของผลไม้จะยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์คุณสดชื่น แจ่มใส อารมณ์ดีไปทั้งวันอีกด้วย

เห็นมั้ยคะว่า การน้ำหนักอย่างได้ผลนั้นควรมาพร้อมกันกับการลดหย่อนไม่เคร่งครัดเกินไป ให้เวลาตัวเองสักหนึ่งวันเพื่อเติมรางวัลให้ตัวเองได้กินอาหารที่ชื่นชอบบ้าง แต่จะให้ดีไม่ควรทานเยอะเกินไปค่ะ และยิ่งกับการกินไอศกรีมที่เราแนะนำมานี้ก็มีส่วนช่วยไม่ให้น้ำหนักคุณขึ้นตามได้เป็นอย่างดีทีเดียว สาวๆ คนไหนที่กำลังต้องการกินของหวานๆ สักชิ้นอย่างให้ชุ่มชื้นหัวใจ แต่กลัวน้ำหนักจะขึ้น ลองหันมากินไอศกรีมไขมันต่ำดูสิคะ รับรองน้ำหนักยังคงที่ไม่ขยับขึ้นแน่นอนค่ะ




สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่


คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178


ดูรายละเอียดที่ http://pannfitlooking.blogspot.com/



วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556

โรคอ้วนลงพุง ไม่ใช่แค่ความอ้วนธรรมดา

โรคอ้วนลงพุง ไม่ใช่แค่ความอ้วนธรรมดา แต่เป็นภาวะอ้วนที่มีไขมันสะสมบริเวณช่วงเอว หรือช่องท้องปริมาณมาก ๆ และก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายหลายระบบ ในทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า Metabolic syndrome ถือเป็นกลุ่มความผิดปกติที่ เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ด้วย ดังนั้นภาวะอ้วนลงพุง จึงนับว่าเป็นโรคที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้


ไขมันที่พุงอันตรายกว่าไขมันส่วนอื่นของร่างกายอย่างนั้นหรือ?


         
โดยทั่วไปไม่ว่าจะเป็นไขมันตรงส่วนใด หากมีมากเกินไปก็ถือว่าไม่ดีทั้งนั้น แต่ไขมันที่สะสมในช่องท้องหรือบริเวณพุงจะสลายตัวเป็นกรดไขมันอิสระ ส่งผลให้ในกระแสเลือดมีกรดไขมันอิสระเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลเสียต่อระบบต่างๆ ภายในร่างกาย โดยกรดไขมันชนิดนี้จะไปยับยั้งกระบวนการเผาผลาญของกลูโคสที่กล้ามเนื้อ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ความดันโลหิตสูง และอาจส่งผลให้หลอดเลือดแดงแข็งตีบและอุดตันได้

          พบว่าในคนอ้วนลงพุงจะมีระดับฮอร์โมน Adiponectin ในกระแสเลือดลดลง ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่พบในเซลล์ไขมันเท่านั้น ระดับ Adiponectin ในเลือดที่ต่ำจะสัมพันธ์กับภาวะดื้อต่ออินซูลิน และเป็นตัวทำนายการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย

          นอกจากนี้ เชื่อว่าความอ้วนและภาวะดื้อต่ออินซูลิน ยังเป็นสาเหตุสำคัญของการสะสมไขมันในเนื้อตับ เพราะกรดไขมันอิสระที่ออกมาจากไขมันบริเวณพุงจะเข้าสู่ตับโดยตรงได้มากกว่าไขมันบริเวณสะโพก ซึ่งกรดไขมันที่สะสมภายในตับหากเกิดในช่วงที่ร่างกายมีอนุมูลอิสระมากจนเกินที่สารต้านอนุมูลอิสระสามารถรับมือไหว จะส่งผลให้เกิดการอักเสบของตับตามมาอีกด้วย ดังนั้นคนที่อ้วนลงพุงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคตับมากกว่าคนที่มีไขมันสะสมที่สะโพก


โรคอ้วน


คุณ! พุงโตเกินไปหรือไม่?


          รอบเอวเป็นตัวบ่งชี้ภาวะอ้วนที่ง่ายและชัดเจนโดยไม่ต้องใช้การคำนวณ สำหรับคนเอเชีย ในปัจจุบันการวินิจฉัยว่าใครจัดอยู่ในกลุ่มโรคอ้วนลงพุงบ้าง จะใช้เกณฑ์ดังนี้

           -เส้นรอบเอวของผู้ชายตั้งแต่ 36 นิ้วขึ้นไป และสำหรับผู้หญิงตั้งแต่ 32 นิ้วขึ้นไป

           -มีระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดมากกว่า 150 มก./ดล.

           -มีระดับ HDL คอเลสเตอรอล น้อยกว่า 40 มก./ดล.ในผู้ชาย หรือน้อยกว่า 50 มก./ดล.ในผู้หญิง

           -ความดันโลหิตมากกว่า 130/85 มม.ปรอท หรือรับประทานยาลดความดันโลหิตอยู่

           -ระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารมากกว่า 100 มก./ดล.


          
พบว่าผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเพียง 3 ข้อจากเกณฑ์ข้างต้น จะมีอัตราการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า และผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง 4 ข้อจะมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มเป็น 3 เท่า และเกิดโรคเบาหวานเพิ่มถึง 24 เท่า
          นอกจากนี้ยังพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงสำคัญอื่นๆ อีกที่ส่งผลให้เกิด Metabolic syndrome อาทิ ยิ่งอายุมากก็มีโอกาสเป็นสูงขึ้น พบว่าคนผิวดำจะมีโอกาสพบโรคมากกว่า คนอ้วนมีความเสี่ยงมากกว่าคนผอม ผู้ที่มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคเบาหวานจะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูง นอกจากนั้นยังมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอื่นๆ ได้ง่าย เช่น ความดันโลหิต เป็นต้น


ลดพุง...ลดโรค

       
   การรักษา Metabolic syndrome หรือ โรคอ้วนลงพุง นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ การปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตเป็นอันดับแรก เช่น การลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ควบคุมอาหารที่รับประทาน บริโภคผักและผลไม้ให้มากขึ้น ลดการดื่มสุรา ตรวจสุขภาพเป็นประจำ เมื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว ยังไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาล ไขมัน หรือความดันโลหิตได้ อาจจำเป็นต้องมีการใช้ยาในการควบคุมร่วมด้วย เป้าหมายในการใช้ยาก็เพื่อลดระดับไขมัน Triglyceride เพิ่มระดับไขมัน HDL(ทำหน้าที่เก็บกวาดคอเลสเตอรอลจากหลอดเลือดไปขจัดที่ตับ นับว่าเป็นไขมันชนิดดี) และลดระดับไขมัน LDL(ทำหน้าที่นำคอเลสเตอรอลออกจากตับไปสะสมตามผนังหลอดเลือด ถือว่าเป็นไขมันชนิดไม่ดี) ซึ่งเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคเบาหวาน

          พูดง่ายๆ ก็คือ ยิ่งพุงโตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสะสมโรคมากขึ้นนั่นเอง รู้อย่างนี้แล้ว หันมาออกกำลังกายวันละนิด ค่อยๆ ปรับพฤติกรรมทีละน้อย ทำบ่อยๆ จนกลายเป็นนิสัย นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคดังกล่าวแล้ว ยังเป็นเหมือนเกราะป้องกันโรคภัยต่างๆ ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอีกด้วย...



สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่


คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178


ดูรายละเอียดที่ http://pannfitlooking.blogspot.com/

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ความอ้วนส่งผลต่อชีวิตคู่อย่างไร

สาเหตุการหย่าร้าง




ข้อมูลเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2556

เกินไป" เหล่านี้เป็นเพียงบางสาเหตุที่ทำให้คู่รักหย่าร้างกัน


การคบชู้เป็นเหตุผลทั่วไปที่ทำให้ชีวิตคู่พังทลายโดยที่ความปรารถนาทางเพศอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการนอกใจ ซึ่งนี่รวมถึงความไม่เท่าเทียมในเรื่องของความต้องการทางเพศ ความไม่พอใจหรือการโครธเคืองคู่รักของคุณ และความเสื่อมสลายในความสัมพันธ์รักระหว่างสามีกับภรรยา




เงินทองอาจไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของความสุขของคุณ ยิ่งไปกว่านั้นมันอาจเป็นแหล่งที่ให้เกิดความทุกข์ร้อนกับคุณได้


การสื่อสารเป็นกุญแจสำคัญสำหรับความสัมพันธ์รักที่ประสบความสำเร็จ และยังใช้ได้สำหรับคู่รักที่แต่งงานกันแล้ว การขาดการสื่อสารที่เหมาะสมสามารถนำไปสู่ความเสื่อมของความสัมพันธ์รักระหว่างคุณทั้งสองและเป็นสาเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดได้ คู่รักอาจเริ่มตีตัวออกห่างจากกันและอาจมีการคิดเรื่องของการหย่าร้าง


ความแตกต่างที่ทำให้ไม่สามารถเข้ากันไม่ได้นั้นมักถูกใช้เป็นข้ออ้างสำหรับการหย่าร้าง

โดยเฉพาะคู่รักที่แต่งงานกันเร็วจนเกินไป






การที่คู่สามีหรือภรรยามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความรำคาญใจกับคู่รักที่อยู่กันมาเป็นเวลา 3 ปีมากที่สุด ดังนั้น หากคุณละเลยการดูแลรูปร่างของคุณในวันนี้ มันถึงเวลาแล้วที่คุณควรไปออกกำลังกาย มันจะดีกว่าหากคุณทั้งสองได้ออกกำลังกายร่วมกันเนื่องจากมันเป็นเวลาอันมีค่าในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่ต่อกัน






เชื่อว่าทุกๆ คู่รักนั้น กว่าที่จะผ่านมาถึงวันวิวาห์ได้ละก็ คงต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมาย การประคับประคองชีวิตรักให้ยั่งยืนหลังแต่งงาน ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด หลายๆ ครอบครัวไม่ได้มีแต่ สามี ภรรายากันเหมือนเมื่อก่อน แต่ มีเจ้าตัวน้อยเป็นโซ่ทองคล้องใจเพิ่มขึ้นมาด้วย
แต่ "ชีวิตไม่ได้เป็นดั่งบทละคร" เรื่องราวที่ถูกถ่ายทอดออกมาบนหน้าจอ อาจจะมีเค้าความจริงเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากสถิติการหย่าร้างของคู่สมรสเพิ่มจำนวนขึ้นเกือบทุกปี หากพิจารณากันแค่ผิวเผินอาจรู้สึกว่า การเพิ่มจำนวนของการหย่าร้างไม่เห็นจะน่าตกใจสักเท่าไร แต่หากลองคิดในทางกลับกันว่า เพราะอะไรคู่รักเหล่านี้ถึงต้องจูงมือกันไปเซ็นใบหย่า ซึ่งบางรายอาจมีโซ่ทองคล้องใจกันไม่รู้กี่เส้นด้วยซ้ำ

สาเหตุที่ 1 เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว 

ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของสามีภรรยา จนถึงความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับพ่อแม่ ความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ฝ่ายหนึ่งก็อ้างการทำงาน ในขณะที่อีกฝ่ายก็ทำแต่งาน ขาดความใส่ใจ ไม่มีเวลาให้แก่กันและกัน เพราะประเด็นหลักที่ทำให้มีปัญหาของการหย่าร้างเกิดขึ้น เกิดจากพฤติกรรมของคนในครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเวลาเรานัดเพื่อนเราจะให้ความสำคัญกับเพื่อน
แต่กับภรรยาหรือลูกเรามักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญ สิ่งแรกที่เราควรปรับเปลี่ยนคือพฤติกรรมตัวเราเองเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันไม่ว่าจะทำอะไรให้ยึดหลัก แฟมิลี่ เฟิร์ส คือให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอันดับแรก  ครอบครัวมีเวลาให้แก่กัน เมื่อโลกแห่งโลกาภิวัตน์เข้ามาในสังคม ทำให้มนุษย์มีเวลาให้กันน้อยลง ครอบครัวไม่มีเวลามาเจอหน้ากัน  ถ้าเรามีเวลาให้ครอบครัว กิจกรรมภายในครอบครัวก็จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำต้นไม้ พากันไปกินข้าว ไปเที่ยวด้วยกัน สัมพันธภาพภายในครอบครัวก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเรามีเวลาให้แก่กัน เวลาที่เราจะเรียนรู้ซึ่งกันและกันก็เกิดขึ้น แล้วกิจกรรมที่เราทำด้วยกัน สามารถที่จะสอนลูกๆ ไปในตัวด้วย แล้วสิ่งที่พ่อแม่ทำให้ลูกเห็น ลูกๆ ก็จะเรียนรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นและซึมซับไปเองโดยอัตโนมัติ 

สาเหตุที่ 2 เพราะว่าคุณหรือเขาต่างคาดหวังให้เขาเป็น

ก่อนที่จะแต่งงานกัน (ช่วงที่รักกันใหม่ๆ) คุณและเขาก็อาจจะคาดหวังว่า พอได้แต่งงานกันไป เขา (หรือเธอ) คงจะเป็นแบบนั้น แบบนี้ เช่น เธออาจจะเป็นแม่บ้านที่ดี เป็นแม่ที่ดี หรืออาจจะคาดหวังว่า เขาคงจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี มีความรับผิดชอบ ช่วยเราดูแลครอบครัว และช่วยเราดูแลบ้าน หากสิ่งที่คุณๆ ได้คาดหวังไว้ แต่คุณไม่เคยบอกคู่ของคุณให้รู้มาก่อนเลยละก็ เมื่อคุณได้มาอยู่ร่วมกันแล้วละก็ คุณอาจจะเพิ่งจะรู้ความจริงก็ได้ว่า เขาเองไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณคาดหวัง หรืออยากให้เขาเป็น ดังนั้นทางแก้ก็คือ คุณและเขาควรที่จะหันหน้าพูดคุยกันก่อนเลยว่า คุณต้องการอะไร และเขาคาดหวังอะไรจากคุณ เพราะหากแต่งไปแล้วคุณหรือเขาเพิ่งจะมารู้ความจริงละก็ หากเขารับได้ก็โชคดีไป แต่หากรับไม่ได้ จากรักวันหวานก็กลายเป็นรักช้ำในวันนี้ก็ได้ 
                                                                     สาเหตุที่ สามีภรรยาขาดความอดทนซึ่งกันและกัน 

สามีและภรรยาขาดความอดทน ไม่มีการเสียสละและไม่รู้จักการให้อภัยกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะ การที่มีคนมาอยู่ร่วมกันมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป ย่อมต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้นบ้างเป็นธรรมดา แต่ถ้าทั้งสองคนไม่ได้มีการใคร่ครวญถึงเหตุผลต่าง ๆ เป็นอย่างดี และร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ให้ลุล่วงลงได้ด้วยดี 

สาเหตุที่ 4 ค่านิยมพื้นฐานที่แตกต่างกันเกินไป

ค่านิยมพื้นฐาน หมายถึง ความเชื่อ ความชอบ และความเห็นว่าดีและไม่ดี ในเรื่องต่างๆ ตั้งแต่พื้นฐานของชีวิต การกิน นอน ศาสนา ความเชื่อ ความสำเร็จ ค่านิยมส่วนตัว ฯลฯ เช่น

หากคุณผู้หญิงเป็นคนที่มีมุมมอง แนวคิดที่อยากจะทำงาน อยากใช้ความสามารถของตนเองในการทำงานหรือทำธุรกิจ หากคุณสามีอยากที่จะให้คุณเป็นแม่บ้านที่ดี และเป็นคุณแม่ที่ดีของลูกก็พอละก็ คุณผู้หญิงก็อาจจะทนไม่ได้ที่สามีอยากให้ทนนั่งอยู่บ้าน
หรือหากว่า คุณเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น มีน้ำใจ แต่สามีหรือคู่ของคุณจะไม่ทำอะไร หากไม่มีผลประโยชน์ร่วม คุณก็อาจจะทนกันไม่ได้
แนวทางการแก้ไขก็คือ คุณควรที่จะนั่งถามตัวเองว่า คุณชอบอะไร คิดเห็นเป็นอย่างไร และลองเปรียบเทียบกับเขาดูว่า ระหว่างที่คุณคบกับเขา (ยังไม่ได้แต่งงาน) นิสัยของเขาเป็นอย่างไร แตกต่างมากน้อยแค่ไหน หากแตกต่างกันมากคุณก็ควรจะคุยกับเขาก่อนแต่เนินๆ ดีกว่าที่จะมารู้ภายหลังหลังแต่งงานนะค่ะ


เชื่อหรือไม่ว่า คำพูดของคุณนั้นทรงพลังมาก คำพูดของคุณสามารถทำให้คู่ของคุณ รักหรือเกลียดได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายควรจะพูดจาภาษาดอกไม้กัน เพราะการพูดคุยกันมากขึ้น จะทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และช่วยกันหาทางแก้ไข 

สาเหตุที่ เกิดจากเกิดสภาพความเบื่อหน่ายเกิดขึ้นเสมอๆ 

โดยเฉพาะความเบื่อหน่ายที่เกิดจากสามีเบื่อหน่ายภรรยา หรือภรรยาเบื่อสามี จากความไม่พอใจในสิ่งเล็กๆ น้อย ที่สะสมมาเป็นเวลานาน จนเมื่อถึงวันหนึ่งมันก็ระเบิดออกมา กลายเป็นเรื่องราวที่เกินการอดทนของทั้งฝ่ายอีกต่อไป นักจิตวิทยาเชื่อว่า การสื่อสารด้วยคำพูดนั้น สามารถช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ แต่ก็ต้องใช้คำพูดที่ดีด้วย เพราะคำพูดที่ไม่ดีก็อาจจะทำให้ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจเข้าไปอีก เช่น หากคุณไม่ชอบที่เขามาสายในวันที่เขานัดกับคุณ และไม่ได้โทรมาบอก ปล่อยให้คุณนั่งรอ แทนที่คุณจะต่อว่าเขาเพราะโกรธที่รอนาน แต่คุณควรที่จะพูดแสดงความรู้สึกถึงความถูกต้อง เช่น หากเขาจะมาสายก็ควรจะโทรมาบอก แต่คนส่วนมากมักจะต่อว่า หรือไม่ก็นิ่งเฉย หากคุณต่อว่า เขาก็จะเถียงหรือไม่ก็เงียบ ซึ่งมันก็ไม่ดีทั้ง 2 ฝ่าย แต่การบอกเขา ย่อมทำให้เขารู้ว่าอะไรที่ควรทำ และอะไรที่เขาไม่ควรทำ อย่าคาดหวังว่าเขาจะรู้ว่าคุณต้องการอะไร เพราะผู้ชายไม่มีวันเข้าใจคุณได้ดีเท่าคุณเอง การที่คุณเอ่ยปากบอกเขา ก็อาจจะต้องทำใจด้วย คุณอาจจะเห็นเขาโกรธ และอาจจะทำให้คุณไม่กล้าที่จะบอกเขาอีกในครั้งต่อไป แต่ถ้ายิ่งไม่พูด คุณเองนั้นเหละที่จะหงุดหงิด และเมื่อถึงวันที่คุณทนไม่ไหว ต่อให้คุณรักเขาแทบตาย ก็อาจจะต้องเลิกรากันไปเช่นกัน
แนวทางการแก้ไข  คือ คุณและเขาควรที่จะพูดคุยกันในเรื่องของความรู้สึก ว่าเรายังจะต้องปรับอะไรให้เข้าหากัน สื่อสารด้วยคำพูดอย่างจริงใจ แม้ว่าจะต้องทำให้อีกฝ่ายเจ็บบ้าง ก็ควรทำ เพราะมันจะทำให้ทั้งคู่เรียนรู้และปรับตัวเข้าหากันได้ สำคัญก็คือ อย่าใช้คำพูดที่มาจากอารมณ์โกรธ แต่ให้ใช้คำพูดที่มาจากหลักเหตุและผล 

สาเหตุที่ 7 คุณกำลังหวังว่าเขาจะเหมือนเดิมตลอดไปหรือเปล่า?

คู่รักหลายๆ คู่ ต่างก็อยากให้เขารักเราเหมือนเดิม และมักจะบ่นอยู่เสมอว่า เขาเปลี่ยนไปหลังแต่งงานแล้ว แต่รู้ไหมว่าคนที่พูดแบบนี้คือคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ!!!
เพราะชีวิตของทุกๆ คนต้องเปลี่ยนแปลง ความคิด มุมมอง การกระทำก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน แต่ชีวิตแต่งงานที่ดีก็คือ การที่สามีภรรยาค่อยๆ เปลี่ยนไปในทิศทางที่เติบโตไปพร้อมๆ กัน การที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ไม่ยอมเปลี่ยน ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้งได้
หนทางการแก้ไข คุณต้องเปิดใจให้กว้าง ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของมันที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ ทั้งจากของตัวคุณเองและของเขาเอง

สาเหตุที่ 8 ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งติดอบายมุข

เสพเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ติดการพนัน เที่ยวสถานเริงรมย์ มากจนเกินไป จนอีกฝ่ายยอมรับไม่ได้ ขาดความรับผิดชอบต่อครอบครัว เอาเงินไปใช้จ่ายจนบางครั้งติดหนี้ บางครั้งขาดสติ แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ทะเลาะกันในบ้าน ทำให้สภาพครอบครัวแตกร้าว 

แนวทางการแก้ไขก็คือ คุณผู้หญิงต้องเข้าใจว่า เรื่อง Sex เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับผู้ชาย ผู้หญิงอาจจะไม่มีSex ได้ แต่ผู้ชายจะขาดไม่ได้!!! นี่คือธรรมชาติ ดังนั้นแม้คุณจะรู้สึกเบื่อ หรือรำคาญ ก็ขอให้คุณทำใจ และเข้าใจในธรรมชาติ ของเพศชายด้วย









สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่


คุณวราพร แคล้วศึก โทร 085-9083178


ดูรายละเอียดที่ http://pannfitlooking.blogspot.com/